กลยุทธ์เบื้องต้นในการใช้ SET50 Options

โดย ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)

กลยุทธ์เบื้องต้นในการใช้ SET50 Options

โดย ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ประเทศไทย)
set50

          ในสภาวะตลาดที่ยังมีความไม่แน่นอนสูง "ออปชัน" (Options) สามารถช่วยให้ผู้ลงทุนบริหารจัดการพอร์ตและสร้างโอกาสลงทุนได้หลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ผู้ลงทุนส่วนใหญ่มักมีความกังวลว่าออปชันเป็นอนุพันธ์ มีความเสี่ยงมาก อาจขาดทุนได้มากกว่าเงินทุนที่ลงไปครั้งแรกได้ ซึ่งในทางปฏิบัติ ความกังวลเหล่านี้อาจเกิดขึ้นสำหรับกรณีผู้ลงทุนมีการขายออปชัน ดังนั้น เพื่อให้เหมาะสมและขจัดข้อกังวลดังกล่าว ผู้เริ่มสนใจลงทุนในออปชัน อาจเริ่มเรียนรู้โดยใช้กลยุทธ์การซื้อออปชันเท่านั้น ซึ่งในบทความ จะยกตัวอย่างจากการใช้ SET50 Options เพื่อสร้างโอกาสจากการคาดการณ์ทิศทางตลาดที่แตกต่างกัน

          แนวคิดแรก เป็นกรณีที่ผู้ลงทุนคิดว่าทิศทางตลาดมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้น แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง ทำให้ไม่มั่นใจนัก ขณะเดียวกันก็ไม่อยากพลาดโอกาสหากสภาพการณ์ตลาดมีการปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ในกรณีดังกล่าวการ “ซื้อคอลออปชัน" (Long Call Options) สามารถตอบโจทย์นี้ได้ การซื้อคอลออปชันนั้นจะมีกำไรหากราคาสินทรัพย์อ้างอิงซึ่งในกรณีนี้คือ SET50 Index ปรับตัวสูงขึ้นกว่าราคาใช้สิทธิของออปชันที่ซื้อไว้ แต่หากระดับราคาของ SET50 Index ไม่เป็นไปตามคาด หรือปรับตัวลดลง ผู้ลงทุนก็จะมีผลขาดทุนจำกัดอยู่เพียงแค่เงินค่าซื้อคอลออปชัน (ค่าพรีเมียม) ที่จ่ายไปเท่านั้น จึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยให้ไม่พลาดโอกาสในตลาดขาขึ้นโดยใช้เงินลงทุนเริ่มต้นไม่มากนัก

          ในทางกลับกัน หากมุมมองของผู้ลงทุนค่อนไปในทางระมัดระวังและกังวลว่าปัจจัยลบต่างๆ อาจกดดันให้ดัชนีปรับตัวลดลง การ "ซื้อพุทออปชัน" (Long Put Options) ก็เป็นกลยุทธ์ที่เหมาะสม สำหรับผู้ลงทุนที่มีพอร์ตหุ้นอยู่แล้ว การซื้อพุทออปชันเปรียบเสมือนการซื้อประกันเพื่อคุ้มครองความเสี่ยงให้กับพอร์ต หากดัชนีปรับตัวลดลง กำไรที่ได้รับจากพุทออปชันจะเข้ามาช่วยชดเชยมูลค่าพอร์ตที่ลดลงได้ ส่วนผู้ลงทุนที่ยังไม่มีหุ้นในพอร์ต ก็สามารถใช้พุทออปชันเพื่อสร้างผลตอบแทนจากทิศทางตลาดขาลงได้เช่นกัน โดยที่ความเสียหายสูงสุดจะจำกัดอยู่แค่เงินลงทุนเริ่มต้นที่ใช้ซื้อออปชันเท่านั้น

          นอกจากนี้ ในสภาวะที่คาดการณ์ทิศทางตลาดได้ยากที่สุด หรือเมื่อผู้ลงทุนไม่แน่ใจในทิศทางของตลาด แต่เชื่อว่าจะมีการเคลื่อนไหวของราคาอย่างมากในอนาคตอันใกล้จากปัจจัยสำคัญที่รออยู่ เช่น การรอผลเจรจาภาษี ซึ่งไม่แน่ใจในความสำเร็จของการเจรจา ในกรณีเช่นนี้ เชิงกลยุทธ์แล้วอาจใช้การรอจนกว่าจะมีความชัดเจน หรือหากต้องการจะซื้อขาย ก็อาจพิจารณากลยุทธ์ที่ต้องเสี่ยงหรือเดิมพันกับ "ความผันผวน" โดยตรง ซึ่งทำได้โดย ซื้อทั้งคอลออปชันและพุทออปชัน ที่มีราคาใช้สิทธิและเดือนหมดอายุเดียวกัน (กลยุทธ์ Long Straddle) กลยุทธ์นี้จะสร้างผลตอบแทนได้ไม่ว่าดัชนีจะปรับตัว "ขึ้นแรง" หรือ "ลงแรง" ขอเพียงแค่ขนาดของการเคลื่อนไหวมากพอที่จะครอบคลุมต้นทุนค่าออปชันหรือค่าพรีเมียมของทั้งสองสัญญาที่จ่ายไป ซึ่งเหมาะอย่างยิ่งสำหรับช่วงที่ต้องรับมือกับความไม่แน่นอนสูง

          สำหรับกรณีสุดท้าย ขอยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น กล่าวคือ สมมติให้ปัจจุบันดัชนี SET50 อยู่ที่ 800 จุด และผู้ลงทุนคาดว่าจะมีข่าวสำคัญที่จะทำให้ดัชนีราคาเคลื่อนไหวอย่างมาก แต่ไม่แน่ใจทิศทางของการเคลื่อนไหว จึงตัดสินใจซื้อ Call Options และ Put Options ที่ราคาใช้สิทธิ 800 จุดเท่ากันที่ครบกำหนดเดือนกันยายน โดยมีค่าพรีเมียม 25 จุด และ Put Options มีค่าพรีเมียม 25 จุด ดังนั้นต้นทุนรวมจะเท่ากับ 50 จุด หรือคิดเป็นเงินลงทุนที่ต้องจ่ายคือ 10,000 บาท (ตัวคูณในการแปลงค่าดัชนีจากจุดมาเป็นบาท คือ 200 บาท ดังนั้น 50 จุด x 200 บาท = 10,000 บาท) ดังนั้น เงินที่จ่ายซื้อออปชันยอดนี้จะเป็นมูลค่าผลขาดทุนสูงสุดที่จะเกิดขึ้นหากดัชนีไม่เคลื่อนไหวเลยหรือแทบไม่เคลื่อนไหวตลอดอายุของออปชัน แต่หากเมื่อถึงวันหมดอายุสัญญา ดัชนีมีการเคลื่อนไหวอย่างมากไม่ว่าจะในทิศทางขาขึ้นหรือขาลงจนเกินต้นทุนรวมที่จ่ายไป ผู้ลงทุนก็จะได้กำไร เช่น หากถึงวันหมดอายุสัญญา ดัชนีปรับตัวขึ้นแรงไปอยู่ที่ 870 จุด (เพิ่มขึ้น 70 จุด) กำไรจาก Call Options จะเท่ากับ (870-800) = 70 จุด เมื่อหักต้นทุน 50 จุด จะเหลือกำไรสุทธิ 20 จุด หรือคิดเป็นเงิน 4,000 บาท (20 จุด x 200 บาท) ในทางกลับกัน หากดัชนีปรับตัวลงแรงไปอยู่ที่ 730 จุด (ลดลง 70 จุด) กำไรจาก Put Options จะเท่ากับ (800-730) = 70 จุด และเมื่อหักต้นทุนก็จะเหลือกำไรสุทธิเท่ากันคือ 4,000 บาท

          ดังนั้น จะเห็นได้ว่าออปชันเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสามารถสร้างกลยุทธ์ลงทุนได้หลากหลายรูปแบบทำให้มีความยืดหยุ่นในการบริหารพอร์ตมากขึ้น โดยการใช้กลยุทธ์ Long Options ข้างต้น ปัจจุบันมีเครื่องมือที่เรียกว่า “Options Wizard” ในแอป Streaming ซึ่งจะเป็นตัวช่วยคัดกรองเพื่อเลือกออปชันรุ่นที่เหมาะสมตามทิศทางที่ผู้ลงทุนคาดการณ์ไว้ รวมทั้งให้ข้อมูลเรื่องของเงินทุนที่จะต้องจ่ายเป็นค่าพรีเมี่ยม พร้อมกับแสดงจุดคุ้มทุนและผลตอบแทนที่คาดหวังสำหรับใช้ประกอบการตัดสินใจได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น โดยผู้ที่สนใจสามารถสอบถามโบรกเกอร์ที่ผู้ลงทุนใช้บริการอยู่หรือศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.tfex.co.th และ www.settrade.com/optionswizard    

แท็กที่เกี่ยวข้อง: Options SET50 ดร.รินใจ ชาครพิพัฒน์

  บทความที่เกี่ยวข้อง