เช้าวันนี้ (29 ก.ค.) ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงแตะระดับ 1.168 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งสัปดาห์ หลังจากปรับขึ้นแตะ 1.176 ดอลลาร์ในช่วงต้นตลาด ก่อนเผชิญแรงขายจากความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ รายงานจา Reuters นักลงทุนตอบรับความคืบหน้าในข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ซึ่งจะกำหนดอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจาก EU ที่ 15% ลดลงจากระดับที่เคยขู่ไว้ที่ 30% โดยสินค้าบางประเภท เช่น ชิ้นส่วนอากาศยานและเคมีภัณฑ์บางรายการ จะไ รับการยกเว้น แม้ข้อตกลงดังกล่าวช่วยลดความเสี่ยงด้านนโยบายการค้า แต่ตลาดมองว่าฝ่ายสหรัฐฯ ได้เปรียบมากกว่า โดยสหรัฐฯ ยังได้รับข้อผูกพันจาก EU ในการนำเข้าพลังงานและการลงทุนเพิ่มเติม ทำให้ค่าเงินยูโรเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น ขณ ที่นักลงทุนยังจับตาการประชุม FOMC ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ในวันที่ 30-31 ก.ค. โดย CME FedWatch Tool บ่งชี้ว่าโอกาสที่ Fed จะคงดอกเบี้ยไว้ที่ 4.25-4.50% อยู่ที่ 96.9% และมีแนวโน้มสูงถึง 62.2% ที่ Fed จะเริ่มลดดอกเบี้ยไ เดือน ก.ย. ปัจจัยที่ทำให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่ายังมาจากท่าทีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งระบุว่าจะกำหนดอัตราภาษีทั่วไป 15-20% สำหรับสินค้าทุกประเภทที่นำเข้าจากประเทศที่ยังไม่ทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนความตั้งใจใช้มาตรกา ภาษีเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ด้านการค้า อย่างไรก็ตาม เมื่อราคาปรับตัวขึ้น มีแรงขายทำกำไรสลับเข้ามาเพิ่ม จนราคาเริ่มชะลอการปรับตัวขึ้น แนะนำเสี่ยงเปิดสถานะขายหากไม่สามารถทรงตัวเหนือแนวต้านโซนระดับ 1.1688-1.1753 ดอลลาร์ การปรั ตัวลดลงจำกัดหรือ สามารถยืนเหนือโซนแนวรับ 1.1556-1.1483 ดอลลาร์ได้ ทยอยปิดสถานะขายทำกำไร ทั้งนี้ อาจเกิดแรงซื้อดันให้ราคาปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านอีกครั้ง(ลดพอร์ตสถานะขายลงหากราคาผ่าน 1.1753 ดอลลาร์)