เช้าวันนี้ (15 ส.ค.) ค่าเงินยูโรอ่อนเล็กน้อยสู่ 1.1650 ดอลลาร์สหรัฐฯ จากแรงกดดันของดอลลาร์ที่ฟื้นตัว หลังสหรัฐฯ รายงานดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 0.9% m/m และ Core PPI เพิ่มขึ้น 0.9% สูงกว่าคาดการณ์ทั้งคู่ ขณะเดียวกัน ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์อยู่ที่ 225K ต่ำกว่าคาด สะท้อนตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ปัจจัยเหล่านี้ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังที่ธนาคาร กลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากถึง 0.5% ในการประชุมเดือนก.ย.และจำกัดแรงซื้อยูโรในระยะสั้น อย่างไรก็ดี รายงานจาก Reuters แสดงให้เห็นถึงกระแสคาดการณ์การผ่อนคลายนโยบายการ เงินยังไม่หมดไป หลังนาย Alberto Musalem ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ระบุว่าหากตลาดแรงงานอ่อนแอต่อเนื่องอาจต้องลดดอกเบี้ย แม้อัตราเงินเฟ้อยังใกล้ 3% ขณะที่นาย Thomas Barkin ประธานเฟด ริชมอนด์ ชี้ว่าเฟดยังต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านการจ้างงานและเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาการประชุมสุดยอดระหว่างปรน.ทรัมป์ และปธน.ปูติน ที่อลาสกาในวันศุกร์นี้ หลังทรัมป์ระบุว่าปูติน "พร้อมยุติสงครามยูเครน" ซึ่งหากมีความคืบหน้าเรื่องการยุติสงครามยูเครน อาจหนุนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจยูโรโซนและเป็นแรงส่งให้ยูโรฟื้นตัว จึงประเมินราคาแกว่งตัวในกรอบ Sideway up อย่างไรก็ตาม หากราคาปรับตัวลงไม่มาก ราคาอาจยังแกว่งตัวในกรอบเดิม ซึ่งประเมินแนวรับระยะสั้นในโซน 1.1591 ดอลลาร์ หากสามารถยืนได้ แนะนำเปิดสถานะซื้อ โดยตัดขาดทุนหากหลุดโซน 1.1591 ดอลลาร์ สำหรับ การปิดสถานะซื้อทำกำไรอาจพิจารณาดูบริเวณ 1.1732 ดอลลาร์ หากยืนได้หรือหากรับความเสี่ยงได้สูง อาจพิจารณาถือสถานะซื้อต่อเพื่อไปทำกำไรที่แนวต้านถัดไปโซน 1.1794 ดอลลาร์