เราคาดว่า TOP จะมีกำไรสุทธิ 2.2 พันล้านบาทใน 4Q67F (-27% YoY, ฟื้นตัวขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 4.2 พันล้านบาทใน 3Q67) โดยกำไรที่ลดลง YoY จะเป็นเพราะคาด market GRM ใน 4Q67 ลดลง 30% YoY มาอยู่ที่ US$5.1/bbl จากอุปทานที่ตึงตัวขึ้นเพราะมีโรงกลั่นทั่วโลกหลายแห่งมีการปิดนอกแผนในช่วง 2H66 ส่วนผลประกอบการที่พลิกฟื้น QoQ เป็นเพราะคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากสต็อกน้ำมันสุทธิ (รวม NRV) 22 ล้านบาทใน 4Q67 ดีขึ้นจากที่ขาดทุนจากสต็อกน้ำมันสุทธิ 7.5 พันล้านบาทใน 3Q67 ถึงแม้เราจะคาดว่ากำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ ใน 4Q67F แต่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าของงานก่อสร้างโครงการ CFP ซึ่งอาจจะเป็นประเด็นที่ถ่วงราคาหุ้น เราแนะนำให้นักลงทุนรอดูความชัดเจนหลังการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น (EGM) ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ซึ่งคณะกรรมการของบริษัทจะนำเสนอแลขอให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติเพิ่มงบลงทุนในโครงการนี้ ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำถือ โดยคงราคาเป้าหมายปี 2568F เอาไว้ที่ 30.00 บาท อิงจาก adjusted EV/EBITDA ที่ 6.0x