ในปี 2568 คาดว่า มูลค่าตลาดเชื้อเพลิงขยะ Refuse Derived Fuel (RDF) จะสูงขึ้นราว 6.3% จากปี 2567 แตะ 1.8 พันล้านบาท จากการสนับสนุนจากภาครัฐในด้านการจัดการกับปัญหาขยะ และการเปลี่ยนถ่ายไปสู่พลังงานทดแทนซึ่งหนุนการขยายตัวของตลาดธุรกิจเชื้อเพลิงขยะ RDF
ในปี 2568 61% ของ RDF ทั้งหมดจะถูกใช้ในการผลิตไฟฟ้า โดยความต้องการ RDF ในภาคไฟฟ้า คาดว่า จะมีการเติบโตราว 9.9% ซึ่งเป็นผลมาจากการสนับสนุนของภาครัฐ ทำให้มีโรงผลิตไฟฟ้าขยะมากขึ้น อีกทั้งอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากขยะนั้นอยู่ที่ราว 3.66-5.78 บาท/หน่วย ซึ่งสูงกว่าพลังงานแสงอาทิตย์และลมที่มีอัตรารับซื้ออยู่ที่ 2.22 บาท/หน่วย และ 3.10 บาท/หน่วย ตามลำดับ อัตรารับซื้อที่สูงกว่านี้ได้ดึงดูดผู้ประกอบการมาลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะชุมชนมากขึ้น
ในขณะที่อีก 39% ของ RDF จะถูกใช้สำหรับผลิตพลังงานความร้อนในภาคอุตสาหกรรมการผลิต โดยความต้องการ RDF ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้น 1.1% จากการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนและการลดการพึ่งพาถ่านหินจากมาตรการ CBAM ที่เก็บค่าธรรมเนียมสินค้าที่ปล่อยคาร์บอนสูง ทำให้อุตสาหกรรมการผลิตที่ปล่อยคาร์บอนเยอะ เช่น ปูนซีเมนต์ จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อลดการปล่อยคาร์บอน คาดว่าในปี 2568 การใช้ RDF จะเพิ่มขึ้นราว 5,000 ตัน ทดแทนถ่านหินได้ประมาณ 2,100 ตัน
บทความที่เกี่ยวข้อง