ในช่วงปี 2568-69 มูลค่าตลาดเครื่องปรุงรสของไทยคาดว่าจะขยายตัว 8.0%YoY และ 5.7%YoY ตามลำดับ โดยแบ่งเป็น 1) มูลค่าการจำหน่ายเครื่องปรุงรสในประเทศ คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8.7%YoY และ 6.0%YoY ตามลำดับ ตามความต้องการใช้ในครัวเรือน อุตสาหกรรมพร้อมทาน และร้านอาหาร ที่มีแนวโน้มเติบโต และ 2) มูลค่าการส่งออกเครื่องปรุงรสคาดว่าจะขยายตัว 7.0%YoY และ 5.5%YoY ตามลำดับ ตามการขยายตัวของจำนวนร้านอาหารในต่างประเทศ รวมทั้งนโยบายครัวไทยสู่ครัวโลกที่เป็นแรงหนุนให้เครื่องปรุงรสของไทยเป็นที่นิยมในตลาดต่างประเทศมากขึ้น
ธุรกิจผลิตเครื่องปรุงรสของไทยยังเผชิญความเสี่ยง ได้แก่ 1) การแข่งขันสูง ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ต้องแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ได้เปรียบทั้งด้านต้นทุนการผลิต และช่องทางการจัดจำหน่าย ขณะที่ตลาดส่งออกต้องแข่งขันกับเครื่องปรุงรสจากจีน และเวียดนาม ที่มีต้นทุนการผลิตต่ำ ทำให้ได้เปรียบในการเข่งขันด้านราคา 2) การถูกลอกเลียนแบบผลิตภัณฑ์ เนื่องจากการผลิตเครื่องปรุงรสไม่ได้มีความซับซ้อนมากนัก ทำให้เกิดการเลียนแบบผลิตภัณฑ์ได้ง่าย และนำไปสู่การแข่งขันในไลน์สินค้าประเภทเดียวกันที่รุนแรงขึ้น 3) ค่าเงินบาทเฉลี่ยทั้งปีที่มีทิศทางแข็งค่า ทำให้การแข่งขันด้านราคามีแรงกดดันเพิ่มขึ้น
ประเด็นสงครามการค้าที่ปะทุขึ้น และมาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันสหรัฐฯ เก็บภาษีพื้นฐานกับสินค้านำเข้าทั้งหมดในอัตรา 10% และหากมีการปรับขึ้นภาษีตอบโต้กับสินค้านำเข้าจากไทยเพิ่มเป็น 36% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 อาจกระทบต่อการส่งออกเครื่องปรุงรสของไทย โดยในปี 2567 ไทยส่งออกเครื่องปรุงรสไปยังสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 11% และหากผู้ผลิตไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนด้านภาษีที่เพิ่มขึ้นไปยังผู้บริโภคได้ อาจจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของผู้ประกอบการ
บทความที่เกี่ยวข้อง